วิธีการคิดเรื่องที่จะทำหนังสั้น
หลังจากที่เราตกลงกับตัวเองแล้วว่า ฉันจะทำหนังสั้น แล้วเรื่องที่จะทำล่ะ คิดไม่ออก นับ 1 – 10 แล้วคิดต่อ ก่อนจะคิดต่อไป ให้นึกถึงข้อความที่บอกว่า หนังสั้นควรที่จะนำเสนอเรื่องราวแค่ประเด็นเดียว ก็คือ แค่หนึ่งเหตุการณ์หรือประเด็นหลักๆที่ไม่ซับซ้อน (สำหรับมือใหม่นะ) ง่ายๆ พอที่จะเล่าเรื่องเป็นหนังสั้นได้
คิดออกรึยัง ถ้าคิดไม่ออก ไหนลองมองดูรอบๆตัวเรานะ มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง อ้อ ก่อนคิดเรื่อง ต้องมีตัวละครก่อนนะ สักหนึ่งตัว แล้วก็เอาตัวละครที่คิด มาใส่สถานการณ์ให้มัน งง ไหม ถ้างง คิดซะว่า ตัวเราเองเป็นตัวละครหลักในหนังสั้นก็แล้วกัน แล้วก็ใส่เหตุการณ์ให้ตัวละคร เช่น
“ตูนอยากกินไข่เจียวกลางดึก” (มันจะเป็นหนังสั้นได้ไหมนะ 555 )
หลังจากได้สร้างเหตุการณ์คร่าวๆล่ะ แล้วก็ใส่อุปสรรคให้ตัวละคร อั๊ยยะ ยังไงละ ฟังดูแล้ว งงๆ ไม่ต้องตกใจนะ ก็คือสร้างปัญหาให้ตัวละครนั่นเอง เช่น
“ตูนอยากกินไข่เจียวกลางดึก แต่ในตู้เย็นไม่มีไข่สักฟอง”
เกิดปัญหากับตัวละครแล้วล่ะ อิอิ ตอนนี้เรามี ตัวละคร เหตุการณ์ และอุปสรรคล่ะ เสร็จรึยัง ใจเย็นๆนะ
เติมวิธีการแก้ปํญหาและบทสรุปของตัวละคร เพิ่มเข้าไปสักหน่อย
“ตูนอยากกินไข่เจียวกลางดึก แต่ในตู้เย็นไม่มีไข่สักฟอง เขาค้นตามชั้นเจอมาม่า เขาจึงต้มมาม่ากินแทน”
เห็นไหมละ เราได้เรื่องที่จะทำหนังสั้นล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ (มันคงเป็นเรื่องที่น่าสนุกเลยสินะ) นี่เป็นวิธีคิดเบื้องต้น ฝึกให้คล่องๆ แล้วค่อยขยับเรื่องที่ยากขึ้น ซับซ้อนขึ้น แต่อย่าลืมนะว่า ต้องประเด็นเดียว เอ๊ะ แล้วเรื่อง ตูนอยากกินไข่เจียว ประเด็นมันคืออะไร อ่า เราพลาดอะไรไปรึเปล่า เราต้องคิดประเด็นก่อนใช่ไหม วิธีคิดนี้จะทำให้หาประเด็นได้เหมือนกัน จากตัวอย่าง หลายๆคนอาจจะคิดประเด็นออกมาไม่เหมือนกัน ใครคิดออกบ้างว่าประเด็นจากเรื่องนี้คืออะไร
“สนองความอยาก” โอ้วววว ฟังดูแล้ว 18+ นะ ความอยากก็มีหลายแบบ อย่างตูนนี่คือ หิว อยากกินไข่เจียว สุดท้ายก็ไม่ได้กิน แต่ก็กินมาม่าแทน ทำให้หายหิวได้ บางคนก็คิดเป็นอย่างอื่นได้ ถ้าเราใช้วิธีการสร้างตัวละครและใส่เหตุการณ์เข้าไป โดยที่ยังไม่มีประเด็น พอมาคิดประเด็นหลักที่จะเล่า มันก็เลยหลากหลาย ถ้าต้องการโฟกัสเลย ควรจะคิดประเด็นหลักมาก่อน แต่เวลาเราดูหนังสั้น เราไม่รู้หรอกว่าหนังสั้นเรื่องนั้นนำเสนอประเด็นอะไรไว้ จนกว่าจะดูจบ เราก็เริ่มตีความ หาประเด็นที่หนังสั้นถ่ายทอดออกมา ซึ่งคนดูแต่ละคนก็จะคิดประเด็นออกมาแตกต่างกันไป นอกจากหนังสั้นบางเรื่องที่นำเสนอประเด็นชัดเจน จนคนดูคิดไปในทางเดียวกัน
การหาประเด็นหลักที่จะเล่า ได้ทั้งสองวิธี หาหลังจากสร้างเรื่องคร่าวๆให้ตัวละคร กับ คิดก่อนแล้วค่อยสร้างเรื่อง บางคนอาจจะไม่ถนัด หรือกว่าจะคิดออกก็เสียเวลา ไหนลองยกตัวอย่างอีกสักเรื่องสิ แบบคิดประเด็นหลักก่อน แล้วค่อยสร้างเรื่อง
ประเด็นหลักคือ “ความซื่อสัตย์” แล้วเรื่องจะเป็นยังไงดีล่ะ ดูมันจะกว้างๆๆๆๆไปนะ นอนคิด นั่งคิด ยืนคิด เห็นเด็กวัยกำลังซนทำแจกันแตก ปิ้งเลย คิออแหละ (คิดออกแล้ว)
สร้างเหตุการณ์ให้กับตัวละคร “น้องตูมตามไปหาของเล่นในห้อง”
สร้างปัญหาให้กับตัวละคร “น้องตูมตามทำแจกันของพ่อแตก” เอาละ งานเข้าแน่ !!!!
สร้างวิธีการแก้ปัญหาให้กับตัวละคร “น้องตูมอึ้ง นิ่งสักพัก เขาอุ้มเศษแจกัน ไปสารภาพกับพ่อ”
อ่า เราได้เรื่องคร่าวๆมาละ จากประเด็น ความซื่อสัตย์ จากนั้นก็นำมาเขียนพล๊อตสั้นๆ พอได้ใจความ การพล๊อตไม่ต้องเยอะมาก จากเรื่องที่เราคิดขึ้นมาคร่าวๆ ก็นำมาเขียนเป็นพล๊อต
“น้องตูมตาม เข้าไปในห้องเพื่อค้นหาของเล่นที่เก็บในชั้น แล้วเขาก็เผลอไปทำแจกันของพ่อตกแตก เขากลัวพ่อจะดุ เขาคิดอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเขาตัดสินใจ อุ้มเศษแจกันไปสารภาพผิดกับพ่อ”
แม่เจ้า ทำไมมันเหมือนกับเรื่องที่คิดไว้ข้างต้น แทบไม่ต่างกันเลย ที่เราคิดเรื่องคร่าวๆ ตอนหาประเด็นหรือได้ประเด็นแล้วก็ตาม มันก็คือพล๊อตนั่นเอง
จากนั้นก็เตรียมเข้าสู่การเขียนทรีทเม้น (ซึ่งจะกล่าวในบทต่อไป) หลังจากได้ประเด็นหลักและพล๊อตแล้ว โดยทรีทเม้นท์จะเขียนให้มันสมบูรณ์ขึ้น ใส่รายละเอียดเพิ่มเติม ไม่ต้องเยอะมากเดี๋ยวจะงงตัวเอง
จะเห็นว่าการคิดประเด็นหลักออกมาได้ ก็จะทำให้เราเห็นเรื่องคร่าวๆล่ะว่า จะเล่าเรื่องอะไร ต้องฝึกบ่อยๆ สำหรับมือใหม่ๆ คิดแบบง่ายๆก่อน แล้วค่อยๆยากขึ้น คิดไปเลยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหรือผิด อย่าลืมใจความสำคัญดังนี้ “สร้างเหตุการณ์” “สร้างปัญหาหรืออุปสรรค” “สร้างวิธีการแก้ปัญหาและบทสรุป” ก็จะทำให้เราได้พล๊อตแล้วล่ะ ฝึกบ่อยๆจะติดนิสัย บางคนดูหนังสั้นแล้วงงใช่ไหมล่ะว่า บางเรื่อง ไม่มีบทสรุป ไม่มีเฉลย หนังสั้นประเภทนี้ เรียกว่า หนังสั้นปลายเปิด ก็คือ ปล่อยให้คนดูคิดต่อไปว่า มันจบยังไง มันมีอะไรต่อกันแน่ คิดได้หลายอย่าง คิดๆๆ แล้วปวดหัว มือใหม่อย่าเพิ่งเลย ทำแบบเบสิคไปก่อน อย่าลืมฝึกคิดนะ
ติดตามบทต่อไป “ทรีทเม้นท์ทำให้เห็นหนังสั้นทั้งเรื่อง”
ปล. ภาพประกอบจากหนังสั้นเรื่อง สองพี่น้อง กำกับโดย วรวุฒิ หลักชัย
หลังจากที่เราตกลงกับตัวเองแล้วว่า ฉันจะทำหนังสั้น แล้วเรื่องที่จะทำล่ะ คิดไม่ออก นับ 1 – 10 แล้วคิดต่อ ก่อนจะคิดต่อไป ให้นึกถึงข้อความที่บอกว่า หนังสั้นควรที่จะนำเสนอเรื่องราวแค่ประเด็นเดียว ก็คือ แค่หนึ่งเหตุการณ์หรือประเด็นหลักๆที่ไม่ซับซ้อน (สำหรับมือใหม่นะ) ง่ายๆ พอที่จะเล่าเรื่องเป็นหนังสั้นได้
คิดออกรึยัง ถ้าคิดไม่ออก ไหนลองมองดูรอบๆตัวเรานะ มีอะไรที่น่าสนใจบ้าง อ้อ ก่อนคิดเรื่อง ต้องมีตัวละครก่อนนะ สักหนึ่งตัว แล้วก็เอาตัวละครที่คิด มาใส่สถานการณ์ให้มัน งง ไหม ถ้างง คิดซะว่า ตัวเราเองเป็นตัวละครหลักในหนังสั้นก็แล้วกัน แล้วก็ใส่เหตุการณ์ให้ตัวละคร เช่น
“ตูนอยากกินไข่เจียวกลางดึก” (มันจะเป็นหนังสั้นได้ไหมนะ 555 )
หลังจากได้สร้างเหตุการณ์คร่าวๆล่ะ แล้วก็ใส่อุปสรรคให้ตัวละคร อั๊ยยะ ยังไงละ ฟังดูแล้ว งงๆ ไม่ต้องตกใจนะ ก็คือสร้างปัญหาให้ตัวละครนั่นเอง เช่น
“ตูนอยากกินไข่เจียวกลางดึก แต่ในตู้เย็นไม่มีไข่สักฟอง”
เกิดปัญหากับตัวละครแล้วล่ะ อิอิ ตอนนี้เรามี ตัวละคร เหตุการณ์ และอุปสรรคล่ะ เสร็จรึยัง ใจเย็นๆนะ
เติมวิธีการแก้ปํญหาและบทสรุปของตัวละคร เพิ่มเข้าไปสักหน่อย
“ตูนอยากกินไข่เจียวกลางดึก แต่ในตู้เย็นไม่มีไข่สักฟอง เขาค้นตามชั้นเจอมาม่า เขาจึงต้มมาม่ากินแทน”
เห็นไหมละ เราได้เรื่องที่จะทำหนังสั้นล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ (มันคงเป็นเรื่องที่น่าสนุกเลยสินะ) นี่เป็นวิธีคิดเบื้องต้น ฝึกให้คล่องๆ แล้วค่อยขยับเรื่องที่ยากขึ้น ซับซ้อนขึ้น แต่อย่าลืมนะว่า ต้องประเด็นเดียว เอ๊ะ แล้วเรื่อง ตูนอยากกินไข่เจียว ประเด็นมันคืออะไร อ่า เราพลาดอะไรไปรึเปล่า เราต้องคิดประเด็นก่อนใช่ไหม วิธีคิดนี้จะทำให้หาประเด็นได้เหมือนกัน จากตัวอย่าง หลายๆคนอาจจะคิดประเด็นออกมาไม่เหมือนกัน ใครคิดออกบ้างว่าประเด็นจากเรื่องนี้คืออะไร
“สนองความอยาก” โอ้วววว ฟังดูแล้ว 18+ นะ ความอยากก็มีหลายแบบ อย่างตูนนี่คือ หิว อยากกินไข่เจียว สุดท้ายก็ไม่ได้กิน แต่ก็กินมาม่าแทน ทำให้หายหิวได้ บางคนก็คิดเป็นอย่างอื่นได้ ถ้าเราใช้วิธีการสร้างตัวละครและใส่เหตุการณ์เข้าไป โดยที่ยังไม่มีประเด็น พอมาคิดประเด็นหลักที่จะเล่า มันก็เลยหลากหลาย ถ้าต้องการโฟกัสเลย ควรจะคิดประเด็นหลักมาก่อน แต่เวลาเราดูหนังสั้น เราไม่รู้หรอกว่าหนังสั้นเรื่องนั้นนำเสนอประเด็นอะไรไว้ จนกว่าจะดูจบ เราก็เริ่มตีความ หาประเด็นที่หนังสั้นถ่ายทอดออกมา ซึ่งคนดูแต่ละคนก็จะคิดประเด็นออกมาแตกต่างกันไป นอกจากหนังสั้นบางเรื่องที่นำเสนอประเด็นชัดเจน จนคนดูคิดไปในทางเดียวกัน
การหาประเด็นหลักที่จะเล่า ได้ทั้งสองวิธี หาหลังจากสร้างเรื่องคร่าวๆให้ตัวละคร กับ คิดก่อนแล้วค่อยสร้างเรื่อง บางคนอาจจะไม่ถนัด หรือกว่าจะคิดออกก็เสียเวลา ไหนลองยกตัวอย่างอีกสักเรื่องสิ แบบคิดประเด็นหลักก่อน แล้วค่อยสร้างเรื่อง
ประเด็นหลักคือ “ความซื่อสัตย์” แล้วเรื่องจะเป็นยังไงดีล่ะ ดูมันจะกว้างๆๆๆๆไปนะ นอนคิด นั่งคิด ยืนคิด เห็นเด็กวัยกำลังซนทำแจกันแตก ปิ้งเลย คิออแหละ (คิดออกแล้ว)
สร้างเหตุการณ์ให้กับตัวละคร “น้องตูมตามไปหาของเล่นในห้อง”
สร้างปัญหาให้กับตัวละคร “น้องตูมตามทำแจกันของพ่อแตก” เอาละ งานเข้าแน่ !!!!
สร้างวิธีการแก้ปัญหาให้กับตัวละคร “น้องตูมอึ้ง นิ่งสักพัก เขาอุ้มเศษแจกัน ไปสารภาพกับพ่อ”
อ่า เราได้เรื่องคร่าวๆมาละ จากประเด็น ความซื่อสัตย์ จากนั้นก็นำมาเขียนพล๊อตสั้นๆ พอได้ใจความ การพล๊อตไม่ต้องเยอะมาก จากเรื่องที่เราคิดขึ้นมาคร่าวๆ ก็นำมาเขียนเป็นพล๊อต
“น้องตูมตาม เข้าไปในห้องเพื่อค้นหาของเล่นที่เก็บในชั้น แล้วเขาก็เผลอไปทำแจกันของพ่อตกแตก เขากลัวพ่อจะดุ เขาคิดอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายเขาตัดสินใจ อุ้มเศษแจกันไปสารภาพผิดกับพ่อ”
แม่เจ้า ทำไมมันเหมือนกับเรื่องที่คิดไว้ข้างต้น แทบไม่ต่างกันเลย ที่เราคิดเรื่องคร่าวๆ ตอนหาประเด็นหรือได้ประเด็นแล้วก็ตาม มันก็คือพล๊อตนั่นเอง
จากนั้นก็เตรียมเข้าสู่การเขียนทรีทเม้น (ซึ่งจะกล่าวในบทต่อไป) หลังจากได้ประเด็นหลักและพล๊อตแล้ว โดยทรีทเม้นท์จะเขียนให้มันสมบูรณ์ขึ้น ใส่รายละเอียดเพิ่มเติม ไม่ต้องเยอะมากเดี๋ยวจะงงตัวเอง
จะเห็นว่าการคิดประเด็นหลักออกมาได้ ก็จะทำให้เราเห็นเรื่องคร่าวๆล่ะว่า จะเล่าเรื่องอะไร ต้องฝึกบ่อยๆ สำหรับมือใหม่ๆ คิดแบบง่ายๆก่อน แล้วค่อยๆยากขึ้น คิดไปเลยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหรือผิด อย่าลืมใจความสำคัญดังนี้ “สร้างเหตุการณ์” “สร้างปัญหาหรืออุปสรรค” “สร้างวิธีการแก้ปัญหาและบทสรุป” ก็จะทำให้เราได้พล๊อตแล้วล่ะ ฝึกบ่อยๆจะติดนิสัย บางคนดูหนังสั้นแล้วงงใช่ไหมล่ะว่า บางเรื่อง ไม่มีบทสรุป ไม่มีเฉลย หนังสั้นประเภทนี้ เรียกว่า หนังสั้นปลายเปิด ก็คือ ปล่อยให้คนดูคิดต่อไปว่า มันจบยังไง มันมีอะไรต่อกันแน่ คิดได้หลายอย่าง คิดๆๆ แล้วปวดหัว มือใหม่อย่าเพิ่งเลย ทำแบบเบสิคไปก่อน อย่าลืมฝึกคิดนะ
ติดตามบทต่อไป “ทรีทเม้นท์ทำให้เห็นหนังสั้นทั้งเรื่อง”
ปล. ภาพประกอบจากหนังสั้นเรื่อง สองพี่น้อง กำกับโดย วรวุฒิ หลักชัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น